17 กุมภาพันธ์ 2556

“บรรณวิทย์” นำชาวมาบข่าค้านโรงงานถ่านหินโค้กที่ระยอง


ศรีราชา - “บรรณวิทย์พร้อมแนวร่วม นำชาวบ้านมาบข่า เมืองมาบตาพุดกว่า 100 คน บุกค้านโรงงานถ่านหินโค้ก เจรจายังไม่ได้ข้อสรุป      
       เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ก.พ.56  พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ปรึกษากลุ่มสยามไทย พร้อมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอธิวัฒน์ บุญชาติ ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านสันปันน้ำ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตส.ว. และนายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการสถาบันสหสวรรษ ได้มาพบกับนายขจรศักดิ์ จันทร์มณี แกนนำชาวบ้าน ต.มาบข่า อ.พัฒนานิคม จ.ระยอง เทศบาลเมืองมาบตาพุด และชาวบ้านกว่า 100 คน เพื่อร่วมกันคัดค้านการก่อสร้างโรงงานไทยเจนเนอรัลไนซ์ โคล แอนด์ โค้ก (ถ่านหินโค้ก) ที่หน้าประตูทางเข้าโรงงาน ริมถนนเลี่ยงเมือง สาย 36 ต.มาบข่า
      
       โดย พล.ต.ต.เชิดชาย เสขะนันทน์ ผบก.ภ.จว.ระยอง พ.ต.อ.สมนึก บุรมิ รอง ผบก.ภ.จว. และ พ.ต.อ.เสถียร บุญค้ำ ผกก.สภ.นิคมพัฒนา นำกำลังตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบมาอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัย เนื่องจากช่วงเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นในระยะ 5,800 เมตร หลังโรงงาน ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต
      
       พล.ต.ต.เชิดชาย กล่าวถึงเสียงระเบิดว่า กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบพบว่าป็นถังขนาด 200 ลิตร ถูกฝังอยู่ใต้ดิน และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ว่าระเบิดขึ้นได้อย่างไร ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ก่อนการชุมนุมนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอการตรวจสอบทางวิชาการก่อน
      
       ด้านนายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า การก่อสร้างโครงการใหญ่ในปัจจุบัน ได้กลายเป็นเรื่องผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจทางการเมือง และการทำธุรกิจเพื่อแย่งชิงอำนาจทางการเมือง โรงงานแห่งนี้ถือเป็น 1 ในพันตัวอย่าง ซึ่งเป็นประโยชน์ทางการเมือง
      
       ขณะที่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ได้นำแกนนำชาวบ้านา และคณะถือป้ายคัดค้านการก่อสร้างโรงงานที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าโรงงาน โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงงาน และตำรวจดูแลความเรียบร้อยภายในโรงงาน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ และแกนนำชาวบ้าน
      
       นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าหน่วยงานในพื้นที่ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคารในลักษณะโรงงานถ่านหินโค้กได้อย่างไร ทั้งที่มีการสั่งระงับการก่อสร้างไปแล้ว ขณะที่ใบอนุญาตดำเนินการก็ไม่มี แต่ก่อสร้างปล่องไฟเสร็จแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะทุบทิ้งได้อย่างไร
      
       “ชาวบ้านต้องการให้รระงับการก่อสร้างจนกว่าจะมีการเจรจากับชาวบ้านเพื่อหาข้อยุติเสียก่อน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

โลมาเมืองตราดตายไม่หยุด ล่าสุดพบซากเกยหาดบานชื่น


ศรีราชา - โลมาตราดยังตายต่อเนื่อง ล่าสุด พบซากขนาด 2.21 เมตร ตายเกยหาดบานชื่น เผยตั้งแต่เดือนมกราคมมีโลมาตายแล้ว 18 ตัว       
       เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ก.พ.56  นายกฤตภาส ศรีแสงขจร ประธานเครือข่ายช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ไรับแจ้งจากทีมวิจัยเพื่ออนุรักษ์โลมาอ่าวตราด และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกว่า พบซากโลมาเกยหาดบานชื่น ต.ไม้รูด จึงไปตรวจสอบ
      
       พบโลมาอิรวดี ยาว 2.21 เมตร สภาพเริ่มเน่า คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 7 วัน และจากการผ่าตัดพบว่า มีอาหารอยู่เต็มกระเพาะ สันนิษฐานว่าตายเฉียบพลันจากการขาดอากาศหายใจ
      
       นายกฤตภาส กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม พบซากโลมาในอ่าวตราดแล้ว 18 ตัว คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากติดเครื่องมือประมง ทำให้ขึ้นมาหายใจไม่ได้จนขาดใจตาย ซึ่งการพบซากโลมาตัวล่าสุด เว้นระยะจากตัวก่อน 4 วัน จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันดูแล และแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้โลมาตายเพิ่มอีก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

สหภาพฯ จีเอ็มรื้อเต็นท์ ขนย้ายเสบียง เครื่องนอน ย้ายที่ปักหลักประท้วงต่อเนื่อง


ระยอง - สมาชิกสหภาพแรงงานรื้อเต็นท์ ขนเสบียงอาหาร อุปกรณ์ออกนอกพื้นที่แลกอิสระแกนนำ ภายหลังศาลแรงงาน ภาค 2 สั่งแกนนำ 15 คน พร้อมพวกต้องออกไปภายในวันที่15 ก.พ. แกนนำเผยจะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายแรงงานให้ถึงที่สุด คนงานภายในเจอปัญหาไม่รู้เทคนิคเกิดปัญหามากมาย บางส่วนนัดหยุดงานมาร่วมกับสหภาพฯ ในวันจันทร์นี้อีกจำนวนมาก ส่วนบริษัทฯ ยังเดินหน้าผลิตรถต่อ เผยพร้อมจะเจรจากับทางสหภาพฯ เพื่อหาข้อยุติ      
       หลังบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดระเบียบการปฏิบัติงานของพนักงานสายการผลิต ให้บรรจุวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของพนักงาน และเป็นวันที่ได้โอที ให้เป็นวันทำงานตามปกติ แต่สหภาพแรงงานฯ ไม่เห็นด้วย และไม่สามารถตกลงกันได้ จนเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2556 บริษัทฯ ได้มีคำสั่งให้พนักงานสมาชิกสหภาพแรงงานหยุดงาน พร้อมขออำนาจศาลห้าม 13 แกนนำสหภาพฯ เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทฯ อย่างเด็ดขาด
      
       ทำให้พนักงานในเครือสหภาพฯ และพนักงานอื่นๆ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ทยอยกันมาสมัครเข้าร่วมอยู่ในสหภาพแรงงานเพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะเดินหน้าเรียกร้องสิทธิ โดยไม่ขอเข้าไปทำงานนั้น โดยมีการนัดเจรจาโต๊ะกลมกันวันนี้เพื่อหาข้อยุติ พนักงานอื่นๆ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ทยอยกันมาสมัครเข้าร่วมอยู่ในสภาพแรงงานจำนวนมาก และพร้อมที่จะเดินหน้าเรียกร้องสิทธิโดยไม่ขอเข้าไปทำงาน        
      
       ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ.56 เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้นำหมายจากศาลแรงงาน ภาค 2 มาติดไว้ใกล้ๆ กับสถานที่ประท้วง และมีการขอคุ้มครองให้กลุ่มแกนนำ 15 คน พร้อมกับพวกทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ของบริษัทฯ ภายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นแกนนำทั้งหมดจะถูกฝากขังไม่ได้รับการปล่อยตัว ทำให้พนักงานกว่า 1,000 คน ได้ช่วยกันรื้อเต็นท์ ขนเสบียงอาหาร อุปกรณ์มาว่างกองไว้ริมถนน และร่องน้ำเพื่อแลกกับความเป็นอิสระของแกนนำทุกคน จนล่าสุด ศาลได้ปล่อยตัวแกนนำออกมาให้มีอิสระแล้ว ทำให้กลุ่มแรงงานแสดงความไม่พอใจผู้บริหารบริษัทฯ อย่างมาก ประกาศที่จะต่อสู้ตามกฎหมายแรงงานให้ถึงที่สุด และจะไม่กลับเข้าไปทำงานอีก จนกว่าบริษัทฯ จะรับกติกาของพนักงานที่เรียกร้องสิทธิในครั้งนี้ ก็คือ ให้วันเสาร์เป็นวันหยุด และทำงานโอที เหมือนเดิม        
      
       นายสุริยา โพธิ์ชัยเลิศ ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตอนเช้าได้เดินทางไปศาลแรงงาน ภาค 2 กับพวกทั้งหมด 15 คน ซึ่งศาลได้ให้ข้อเสนอให้แกนนำบอกเพื่อนพนักงานที่ยังปักหลักประท้วงอยู่ในพื้นที่ของบริษัทฯ ออกไปให้หมดภายในวันที่ 15 ก.พ. จึงจะสามารถปล่อยตัวได้ เพราะถือว่าได้ปฏิบัติตามคำร้องของบริษัทฯ แล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ จะต้องดำเนินการฟ้องร้องกันตามกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะเรื่องความเสียหายของพื้นที่ประท้วง จึงได้ตัดสินใจขอร้องให้เพื่อนๆ พนักงานดำเนินการรื้อถอน ขนเสบียง อุปกรณ์ออกจากพื้นที่ให้หมด และก็สามารถดำเนินการได้เพียงเวลาเพียง 30 นาที ซึ่งจะต้องหาพื้นที่เหมาะสมรวมตัวกันประท้วงบริษัทฯ ต่อไป จนกว่าจะมีการเจรจาที่ลงตัวที่สุด        
      
       ถึงแม้ว่าทางบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการผลิตรถยนต์ในกะเช้าเพียงกะเดียว และมีพนักงานบางส่วนเข้าไปทำงาน แต่ก็ต้องมีอุปสรรคมากมาย เท่าที่ทราบมาวันนี้พนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ในการประกอบรถยนต์ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดปัญหา และโดนตำหนิอย่างมาก อีกทั้งขณะนี้ได้มีพนักงานที่เข้าไปทำงานท้อแท้ เพราะไม่สามารถทำงานตามเป้าหมายของบริษัทฯ เพราะส่วนมากเป็นพนักงานใหม่ พนักงานออฟฟิศไปทำงานเรื่องแมนทาแนนต์อื่น ทำให้เกิดปัญหา ต้องหยุดไลน์มาดำเนินการซ่อมทำกัน อาจจะเหมือนในอดีตที่ความผิดพลาดจากการใช้พนักงานทำงานผิดสายงาน จนเกิดปัญหาใหญ่ลูกค้าตำหนิ และส่งคืนรถให้มาดำเนินการให้เรียบร้อย และเคยเกิดรถไฟไหม้มาแล้ว เพราะพนักงานต่อระบบสายไฟผิด      
      
       นายสุริยา กล่าวต่อไปว่า มีพนักงานภายในบริษัทฯ ที่ทำงานในไลน์ผลิตส่งข่าวมาว่า ตอนนี้ผู้บริหารยังสนใจที่จะเคลียร์ปัญหานี้ แต่ใช้งานพนักงานใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานในหน้าที่อื่น ทำไห้พนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบางส่วนนัดกันจะหยุดงานในวันจันทร์ที่ 18 ก.พ. และจะมาร่วมประท้วงร่วมกับสมาชิกสหภาพแรงงาน เพราะขณะนี้หวั่นว่ารถที่ผลิตออกไปจะไม่มีคุณภาพตามที่สัญญากับลูกค้าไว้ และจะทำให้รถเชฟโรเลต มีแต่ปัญหา ลูกค้าจะต้องหาทางเลือกซื้อรถที่ดีไปไว้ใช้งาน
      
       ในส่วนของพนักงานในเครือสหภาพ มีความเป็นห่วงในเรื่องของคุณภาพ และมาตรฐานของรถเชฟโรเลต เพราะทำงานผลิตรถกันมานานนับสิบปี ทำให้รู้ปัญหา การแก้ไขปัญหา แต่ตอนนี้พนักงานที่มีประสบการณ์ มีคุณภาพ ออกมาอยู่ภายนอกเพื่อเรียกร้องสิทธิกันเกือบหมด ส่งผลให้การผลิตรถเชฟโรเลตมีปัญหาแน่นอน และในที่สุดปัญหาก็จะตามมาอีกมากมาย        
      
       นายวีโจ้ วาร์จีส ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ สื่อสารผลิตภัณฑ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มพนักงานสหภาพแรงงานได้รื้อถอนออกนอกพื้นที่บริษัทฯ ตามหมายศาลคุ้มครองหมดแล้ว และทางผู้บริหารพยายามที่จะหาทางออกด้วยการเจรจาให้ดีที่สุด ขณะเดียวกัน ทางบริษัทฯ ก็ได้เปิดไลน์ผลิตตามปกติเพียงกะกลางวันเท่านั้น เพราะกะกลางคืนยังไม่มีพนักงานทำงานเพียงพอ
      
       อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้คำนึงเรื่องคุณภาพต่างๆ นั้นก่อนที่จะส่งรถจะมีเจ้าหน้าที่เช็กพอยนต์ก่อนนำรถออกไปจากบริษัทฯ อยู่แล้ว และคาดว่าการเจรจาอาจหาจุดลงตัวได้เร็วๆ นี้ ถ้ามีการพูดคุยตกลงกันอย่างสันติ โดยทางบริษัทฯ พร้อมที่จะเจรจากับทางสหภาพฯ เพื่อหาข้อยุติ และดีแก่ทั้งสองฝ่าย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ล่าตัว 2 พรานป่ายิงต่อสู้ จนท.เขตอนุรักษ์สัตว์เขาอ่างฤาไน


ศรีราชา - เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงานเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน นำซากกระรอกแดง พร้อมอุปกรณ์ล่าสัตว์ป่า เข้าแจ้งความ ตร.เขาชะเมา เพื่อให้ออกหมายจับ 2 พรานป่าที่ยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ก่อนทิ้งอาวุธ และของกลางหลบหนี      
       เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ก.พ.56  นายพิทักษ์ ยิ่งยง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงานเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดของกลางที่พรานป่าทิ้งไว้บริเวณป่าเขาเก้ง หมู่ 8 ตำบลห้วยทับมอญ อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง ประกอบด้วย ซากสัตว์กระรอกแดง จำนวน 2 ตัว อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก ปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 ปลอก อุปกรณ์ส่องสว่าง จำนวน 2 ชุด แว่นตา 1 อัน เงินสดจำนวน 240 บาท นาฬิกาข้อมือยี่ห้อ DEBOR อาวุธมีดซามูไร และรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ หมายเลขทะเบียน กง 5110 ระยอง
      
       โดยระบุเอกสารผู้ครอบครองรถ คือ นายวินิจ จันทร์สำโรง ใบขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ที่ระบุชื่อ นายอภิรมย์ จันทร์สำโรง อายุ 31 ปี ชาวตำบลพวา อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี
      
       ทั้งนี้ นายพิทักษ์ ยิ่งยง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงานเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน กล่าวว่า ขณะนำเจ้าหน้าที่ออกตรวจป่าไม้บริเวณป่าเขาเก้ง ได้พบนายพราน 2 คน กำลังล่าสัตว์ป่า จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่กลับถูกพรานป่าใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ ทำให้พรานป่าทั้งสองทิ้งอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมปลอกกระสุนปืนลูกซอง 1 ปลอก และวิ่งหลบหนีหายเข้าป่ไปา
      
       นอกจากนั้น ยังได้ทิ้งรถยนต์คันดังกล่าวไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบสิ่งของภายในรถพบซากสัตว์ป่ากระรอกแดงรวม 2 ตัว ซึ่งเป็นสัตว์สงวน จึงนำของกลางทั้งหมดมาตรวจสอบที่ สภ.เขาชะเมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกพรานป่าทั้งสองมาดำเนินคดี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

บริษัทจีเอ็มไม่สนสหภาพฯ เดินหน้าเปิดเดินเครื่องผลิตรถยนต์ต่อ


ระยอง - บริษัทจีเอ็มไม่สนสหภาพฯ เดินหน้าเปิดเดินเครื่องการผลิตรถแล้ววันนี้ เผยการเจรจาวันนี้ไม่คืบ พร้อมขออำนาจศาลให้รื้อถอนเต็นท์ ด้านสหภาพฯ ยังยืนยันสู้ต่อ
      
       หลังบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดระเบียบการปฏิบัติงานของพนักงานสายการผลิต ให้บรรจุวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของพนักงาน และเป็นวันที่ได้โอที ให้เป็นวันทำงานตามปกติ แต่สหภาพแรงงานฯ ไม่เห็นด้วย และไม่สามารถตกลงกันได้
      
       จนเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 บริษัทฯ ได้มีคำสั่งให้พนักงานสมาชิกสหภาพแรงงานหยุดงาน พร้อมขออำนาจศาลห้าม 13 แกนนำสหภาพฯ เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทฯ อย่างเด็ดขาด ทำให้พนักงานในเครือสภาพ และพนักงานอื่นๆ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ทยอยกันมาสมัครเข้าร่วมอยู่ในสภาพแรงงานเพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะเดินหน้าเรียกร้องสิทธิโดยไม่ขอเข้าไปทำงานนั้น โดยมีการนัดเจรจาโต๊ะกลมกันวันนี้เพื่อหาข้อยุติ
      
       ล่าสุด วันนี้ (14 ก.พ.) นายวีโจ้ วาร์จีส ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ สื่อสารผลิตภัณฑ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า วันนี้ทางบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส ได้เริ่มดำเนินการผลิตที่ศูนย์การผลิต จังหวัดระยอง อีกครั้งในวันนี้ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้วมีการนัดหยุดงานของสมาชิกสหภาพฯ โดยนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา จีเอ็มได้ประเมินความปลอดภัย และสวัสดิภาพของพนักงานและทรัพย์สินของบริษัทเพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับมาเริ่มต้นการผลิตอีกครั้ง
      
       ในระหว่างนี้ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ยังคงเดินหน้าส่งมอบยานยนต์ให้แก่ผู้แทนจำหน่ายของเราเพื่อรองรับการสั่งจองของลูกค้าตามกำหนดการปกติ โดยทางบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบรถให้ตรงตามกรอบเวลาที่วางไว้ และสอดคล้องกับแผนกำหนดการส่งมอบรถของเรา
      
       โดยในวันนี้ พนักงานประมาณ 3,100 คน ได้เข้ามารายงานตัวเพื่อทำงานตามปกติที่ศูนย์การผลิต จังหวัดระยอง บริษัทฯ และพนักงานเริ่มปฏิบัติงานอีกครั้งภายใต้ความปลอดภัย และความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานคุณภาพสูงสุดของจีเอ็ม ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ การบริการ และการส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าตรงตามเวลาที่กำหนด
      
       ด้านสหภาพฯ นั้น ทางบริษัท หวังว่าจะสามารถเริ่มการเจรจาตามกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องกับสหภาพฯ ได้อีกครั้งในพรุ่งนี้ คือวันที่ 15 ก.พ.2556 เพื่อหาข้อตกลง และผลสำเร็จร่วมกันกับสหภาพฯ อย่างมีเหตุผล และเป็นธรรมในทุกประเด็น เนื่องจากวันนี้ที่มีการนัดเจรจากันนั้นยังไม่สามารถตกลงกันได้
      
       ด้านนายสุริยา โพธิ์ชัยเลิศ ประธานสหภาพแรงงานฯ กล่าวว่า วันนี้บริษัทฯ ได้นำหมายศาลจังหวัดชลบุรี มาปิดไว้บริเวณที่ประท้วงของพนักงาน แต่หมายนี้ไม่มีผู้ใดเซ็นรับทราบแต่อย่างใด เพราะมีการขออำนาจศาลให้สั่งไม่ให้แกนนำสหภาพฯ เพิ่มอีก 2 คน เข้าพื้นที่บริษัทฯ รวมทั้งหมดเป็น 15 คน และเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท
      
       ถึงแม้ว่าทางบริษัทฯ เปิดโอกาสให้พนักงานที่ต้องการเข้าไปทำงานลงชื่อในวันวาเลนไทน์ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสมาชิกสหภาพแรงงานยังยืนยันไม่ยอมรับระเบียบปฏิบัติใหม่ จึงไม่มีใครเข้าไปลงชื่อเพื่อทำงาน และยืนยันว่าจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะศาลสั่งเพียง 15 คน ที่ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทฯ พนักงานคนอื่นๆ อีกประมาณ 2,000 คน ก็ยังสามารถผลัดเปลี่ยนกันมาอยู่ในเวลากลางวัน ประมาณ 1,200 คน กลางคืนประมาณ 800 คน
      
       ในวันที่ 15 ก.พ.56 ทางแกนนำทั้ง 15 คน ต้องเดินทางไปศาล แต่บริษัทฯ ก็ขอการนัดเจรจากับแกนนำ ทั้งที่รู้ว่าต้องไปศาล เพื่อจะเป็นข้ออ้างตลอดว่าแกนนำสหภาพไม่ยอมมาเจรจา เท่ากับสร้างความกดดันให้แกนนำ และสมาชิกอย่างมาก ถ้าบริษัทฯ มีความจริงใจ ยอมรับกติกาต่อกันก็จะไม่มีปัญหายืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้ ทางบริษัทฯ จะเสียหายอย่างมากในเรื่องของความเชื่อถือ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเปิดทำงานสายการผลิตเป็นวันแรกก็ตาม แต่ก็ทำได้เพียงกลางวันเท่านั้น กะกลางคืนไม่มีพนักงานทำงาน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

25 มกราคม 2556

รองผู้การฯชลบุรี นำทีมบุกเค้าเป้าหมาย7จุด จับผู้ต้องหาและยึดของกลางได้จำนวนมาก




รอง ผู้การ ภ.จว.ชลบุรี สนธิกำลังจู่โจมค้นเป้าหมาย 7 จุดในพื้นที่ ตงห้วยใหญ่ และ เขาไม้แก้ว ตอนเช้าตรู่   ตลึงบุกบ้านอดีตนักแข่งรถจยย.ชื่อดัง พบรถจยย.แต่งซิ่งพร้อมซากรถถูกชำแหละในบ้านจำนวนมาก ส่วนจุดอื่นๆได้ผู้ต้องหาหมายจับ,ยาเสพติดและยึด ยาบ้า,อาวุธปืน,กระสุนปืนอีกกว่า100นัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. วันที่ 24 มกราคม 56 พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้สนธิกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ภ.จว.ชลบุรี ร่วมกับ ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ , สภ.บางละมุง , อาสาชุมชน และฝ่ายปกครอง ในต.ห้วยใหญ่ กว่า 100 นาย ทำการบุกเข้าตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายตามหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาและผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดนั้นเป็นบ้านพักอาศัย จำนวนทั้งสิ้น 7 เป้าหมาย ในเขตพื้นที่ ต.เขาไม้แก้ว ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี  โดยการสนธิกำลังออกตรวจค้นเป้าหมายครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด ของผู้บังคับบัญชา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
โดยกำลังตำรวจได้กระจายกำลังปิดล้อมและจู่โจมเข้าตรวจค้นที่บ้านเป้าหมายทั้ง7เป้าหมายในช่วงเช้าตรู่ ซึ่ง พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี  ได้นำทีมตำรวจทำการเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 12/1 ซอย3แหลมทองคำ ม.ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นายภูวนัย หรือเหน่ง พลายแก้ว อายุ 28 ปี เป็นอดีตนักแข่งรถจักรยานยนต์วิบากและทางเรียบมีชื่อเสียงโด่งดังในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ และเป็นแชมป์รายการแข่งรถในพื้นที่ ภาคตะวันออก  เป็นบ้านมีรั้วรอบขอบชิดเนื้อที่กว้างประมาณเกือบ2 ไร่ พบว่าภายในโรงจอดรถและบริเวณภายในรั้วบ้านนั้น มีรถจักรยานยนต์ที่ถูกดัดแปลงอะไหล่เพื่อทำการแต่งซิ่งทั้งแบบคลาสสิกและแบบวิบาก รวมๆแล้วกว่า10คัน   และยังพบซากอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ถูกชำแหล่ะถอดชิ้นส่วนกองอยู่ภายในโรงเก็บรถและภายในบ้านอีกจำนวนมาก ภายในบ้านพบ นายภูวนัย หรือเหน่ง พร้อมแฟนสาวยังอยู่ภายในบ้านพร้อมกับถ้วยรางวัลจากการแข่งรถตั้งโชว์อยู่จำนวนมาก  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมายในบ้านอย่างละเอียดก็พบอุบปรณ์การเสพยาและเครื่องชั่งยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในบ้านแต่ไม่พบยาเสพติด 

          ซึ่งสอบถามในเบื้องต้น นายภูวนัย หรือเหน่ง ให้การว่าตนคนในพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ และเป็นอดีตนักแข่งรถจักรยานยนต์จริงรถจักรยานยนต์จริงแต่ปัจจุบันวางมือไม่ได้แข่งมานานแล้วจึงยึดอาชีพเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งให้กับลูกค้าซึ่งเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ซึ่งรถที่แต่งซิ่งเป็นรถวิบากนั้นก็เป็นรถของรุ่นน้องนักแข่งที่มาให้ตนซ่อมไว้เพื่อนำไปซ้อมเพื่อลงแข่ง แต่อ้างว่ารถจักรยานยนต์ทุกคันนั้นมีทะเบียนถูกต้องไม่มีรถที่ถูกขโมยมาแต่งซิ่งหรือรถผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ทางตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากรถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ยังไม่มีเอกสารยืนยันได้ชัดเจน จึงทำการตรวจยึดไว้ก่อน พร้อมกับแจ้งให้นายภูวนัย หรือเหน่ง แจ้งให้เจ้าของรถนำเอกสารมาเพื่อยืนยันตรวจสอบว่าเป็นรถที่ผิดกฎหมายหรือไม่สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายในจุดอื่นๆ  ซึ่งมีทั้งบ้านพัก หลานผู้ใหญ่บ้านชื่อดัง ใน ต.ห้วยใหญ่  และจุดอื่นๆนั้นก็สามารถ จับกุมตัวผู้ต้องหาที่กระทำความผิดได้จำนวนหลายรายและยึดของกลางทั้งยาเสพติดและอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนอีกหลายรายการจึงนำตัวผู้ต้องหาและของกลางที่ตรวจยึดได้มาทำการแถลงข่าวที่หน้า สภ.ห้วยใหญ่

พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้ทำการแถลงข่าวพร้อมกล่าวว่า ในการสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้เพื่อเป็นการระดมกำลังกวาดปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาและพื้นที่ใกล้เคียง ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในครั้งนี้ โดยผลจากการปฏิบัติในเบื้องต้นน่าพอใจเพราะสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 ราย โดยแยกเป็นทั้ง ผู้ต้องหาหมายจับค้างเก่าข้อหาพยายามลักทรัพย์ 1 ราย, ข้อหาครอบครองยาเสพติดและเสพยา6ราย, ข้อหาสลากกินรวบ 1ราย ยึดของกลางได้ประกอบด้วย ยาบ้า 2 เม็ด  ,อาวุธปืนยาวลูกซองและปืนยาวไรเฟิล เครื่องกระสุนปืน ขนาด 11 มม. , 9 มม. .22.และลูกซองเบอร์20 รวมเครื่องกระสุนที่ยึดได้กว่า100นัด และ โพยสลากกินรวบ รวมถึงรถจักรยานยนต์ไว้ตรวจสอบเอกสารอีกกว่า10คัน ซึ่งจะได้นำตัวผู้ต้องหาทำการสอบสวนขยายผลก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวพลังชน/คัมภีร์ อาบสุวรรณ์  *086-1499878 รายงาน

จับผัวเมียชาวรัสเซียขโมยซองใส่มือถือไอโฟนบนห้างตึกคอมพัทยา จนมุมคาของกลาง




จับผัวเมียชาวรัสเซียขโมยซองใส่มือถือไอโฟนบนห้างตึกคอมพัทยา  จนมุมคาของกลาง เจ้าของร้านบอกให้จ่ายซื้อเพียง300บาท แต่โวยวายไม่ยอมจ่าย สุดท้ายกลัวโดนแจ้งจับข้อหาลักทรัพย์โดนปรับรา10เท่าเป็น3พันบาท ยอมจ่ายแลกกับไม่ถูกจับ

เมื่อเวลา 21.15 วันที่ 22 .. 56   เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุชาวต่างชาติขโมยสินค้าในร้านขายโทรศัพท์มือถือ บนชั้น2ห้างตึกคอมพัทยา ย่านพัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 
  
เมื่อไปถึงร้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและแทบเล็ตพบ น..อุ่นเรือน ผกาแดง เจ้าของร้านพร้อมเพื่อนๆร้านใกล้เคียงกันช่วยกันจับกุมตัว ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นชาวต่างชาติเอาไว้ จำนวน 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือ  MISS.OKCAHA  RYABOVA อายุ 40 ปี และ MR.SERGEY RYABOV อายุ 44 ปี สัญชาติรัสเซียและเป็นสามีภรรยากัน พร้อมของกลางสินค้าที่ขโมยจากร้าน เป็นซองพลาสติกสำหรับใส่โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน สีดำจำนวน 1 ชิ้น ราคา 300 บาท ซึ่งผู้ก่อเหตุนั้นก็คือฝ่ายภรรยาและพูดจาโวยวายเป็นภาษารัสเซียปฎิเสธว่าไม่ได้ขโมยสินค้าอะไร

จากการสอบถามพ น..อุ่นเรือน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนั้น 2สามีภรรยาสัญชาติรัสเซียได้เข้ามาขอดูแท็บเล็ตipadและซองใส่โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน4ที่ตั้งวางขายอยู่ในร้าน ตนก็หยิบเอามาวางให้ดูซึ่งทั้ง2คนก็ถามราคา ซองใส่โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน ซึ่งตนแจ้งว่าขายในราคา 300 บาท ทั้ง2ก็ขอคุยกันอยู่ฟักใหญ่ก็ไม่เอา  ก่อนที่ฝ่ายสามีได้ยื่นเอาแท็บเล็ตipad  มาส่งคืนให้ตนบอกว่าไม่เอา ตนก็หยิบนำมาเก็บใส่ไว้ในตู้โชว์ ระหว่างที่ตนกำลังเก็บอยู่นั้น 2สามีภรรยาที่ก่อเหตุก็ได้ก่อเหตุขโมยเอาซองใส่โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนแล้วพากันเดินหนีจากร้านไป  ตนเก็บแท็บเล็ตipad เสร็จหันมาดูก็ไม่พบตัว2สามีถรรยาที่ก่อเหตุแล้ว  จึงรีบเดินออกมาจากร้านแจ้งเพื่อนๆร้านใกล้เคียงกันให้ช่วยตามหาตัวก็มาว่า  2 สามีภรรยาชาวรัสเซียที่ก่อเหตุนั้นกำลังเดินหนีอยู่ไกลจากร้านที่ก่อเหตุมาไม่ไกลนักจึงช่วยกันจับกุมตัวไว้  มีแรกทั้ง2คนก็โวยวายว่าไม่ได้ขโมยไม่ได้ก่อเหตุ  ตนจึงขอให้เกิดกระเป๋าดูเพื่อความบริสุทธิ์ใจ หากไม่เจอก็จะไม่เอาเรื่อง และเมื่อขอดูในกระเป๋าสะพายของฝ่ายภรรยานั้นก็พบของกลางซองใส่โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟนที่ขโมยอยู่ภายในกระเป๋าจำนวน1ชิ้น  หลังถูกจับจนมุมด้วยของกลางก็ยังออกอาการไม่รับผิดโวยวายตลอดเวลา ซึ่งทีแรกตนบอกให้ว่าให้จ่ายเงินซื้อเพียง300บาท แต่2สามีภรรยาที่ก่อเหตุก็ไม่ยอมจ่ายและพยายามจะหลบหนี ทำให้ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเหลือดังกล่าว 

    ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนข้อเท็จจริงจึงได้แจ้งให้ 2 สามีภรรยาชาวรัสเซียที่ก่อเหตุให้ทราบว่าจะจับกุมตัวในข้อหาลักทรัพย์เนื่องจากมีหลักฐานและพยานยืนยัน แต่พอจะโดนจับฝ่ายสามีก็เจรจาจะจ่ายเงินซื้อซองใส่โทรศัพท์ที่ภรรยานั้นขโมยมาในราคา300บาท ให้กับผู้เสียหาย เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกจับและอ้อนวอนไม่ให้ผู้เสียหายเอาเรื่อง  ทางฝ่ายผู้เสียหายจึงแจ้งให้ 2สามีภรรยาที่ก่อเหตุครั้งนี้จ่ายเงินตามราคาสินค้าเพิ่มเป็น 10เท่าคือ จำนวน 3,000 บาท เพื่อจะไม่เอาเรื่องหากจ่ายเงิน10เท่ามาก็จะให้ซองใส่โทรศัพท์ไปด้วย แต่ 2สามีภรรยาที่ก่อเหตุก็ต่อรองราคาอ้างว่ามีเงินอยู่เพียง 500บาทจะจ่ายเงินแค่500บาทนั้น แต่ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันให้จ่าย10เท่าคือจำนวน3,000บาทเพื่อจะไม่เอาเรื่อง สุดท้าย2สามีภรรยาชารัสเซียที่ผู้ก่อเหตุครั้งนี้กลัวว่าจะถูกจับจึงยอมจ่ายเงินซื้อซองใส่โทรศัพท์มือถือไอโฟนที่ขโมยมาในราคา 3,000 บาท ให้กับผู้เสียหายไปทางผู้เสียหายก็ไม่ติดใจเอาความ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว2สามีภรรยาที่ก่อเหตุไปทำประวัติแล้วปล่อยตัวไป

ทีมข่าวพลังชน/คัมภีร์ อาบสุวรรณ์   *086-1499878 รายงาน

ไฟไหม้ห้องครัวในออฟฟิศ ตัวแทนขายคอนโดและบ้านหรูกลางเมืองพัทยา



ชาวบ้านแตกตื่น ไฟไหม้ห้องครัวในออฟฟิศ ตัวแทนขายคอนโดและบ้านหรูกลางเมืองพัทยา โชคดีดับทัน ตร.คาดสาเหตุ ไฟฟ้าลัดจงจรหรือลืมปิดแก๊สหุงต้มทิ้งไว้จึงทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 วันที่ 22 .. 56 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ออฟฟิศ ตัวแทนขายคอนโดและบ้านชื่อ SAVILLS  ตั้งอยู่เลขที่212/และ212/7  ริมถนนพัทยาเหนือ  ติดกับร้านอาหารโคขุน ม.6 .นาเกลือ อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเมืองพัทยา นำรถดับเพลิง 3 คันพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรีบ ไปตรวจสอบทันที

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง3ชั้นเรียงติดกับหลายคูหา จุดเกิดเหตุอยู่ที่บริเวณชั้นล่างด้านหลังของอาคารที่เป็นออฟฟิศ ตัวแทนขายคอนโดและบ้านชื่อ SAVILLS  มีเปลวไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงและควันไฟคลุ้งไปทั่ว โดยภายในอาคารนั้นไม่มีผู้อยู่ภายในเนื่องจากปิดทำการและล๊อคไว้อย่างแน่นหนา  เจ้าหน้าที่ตำรวจรอรถดับเพลิงที่กำลังเดินทางมาที่เกิดเหตุแต่กลัวจะไม่ทันการเพราะไฟเริ่มจะลุกลามไปยังด้านบนอาคารจึงตัดสินใจงัดช่องหน้าต่างกระจกบานเกร็ดเพื่อฉีดสารเคมีดับเพลิงและน้ำระงับไฟที่กำลังลุกไหม้ระหว่างรอรถดับเพลิงถึง แต่ก็เป็นไปด้วยความลำบากกระทั่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงนำรถดับเพลิงมาถึงก็ทำการงัดประตูและเข้าไปนำน้ำฉีดดับเพลิงที่ลุกไหม้ และระบายควันภายในออกมาใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงดับไฟไว้ได้ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชนที่พักอยู่บนหอพักใกล้เคียงกันจุดเกิดเหตุที่พากันออกมายืนดูกันจำนวนมาก

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในตัวอาคารพบว่าไฟไหม้ภายในบริเวณห้องครัวเสียหายเป็นบางส่วน แต่ไม่มีทรัพย์สินมีค่าอื่นๆถูกไฟไหม้แต่อย่างใด จากการสอบสวนในเบื้องต้นสอบถามคุณ หนิง เป็นพนักงานของร้านอาหารโคขุน ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า สถานที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นออฟฟิศ ตัวแทนขายคอนโดและบ้าน ของ SAVILLS จะเปิดทำการเวลา 09.00 .ของทุกวันแล้วจะปิดประมาณ 21.00 หลังปิดแล้วพนักงานก็กลับบ้านจึงไม่มีคนอยู่ภายในออฟฟิศและปิดล๊อคไว้ ตนเห็นควันและไฟลุกไหม้จากภายในจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรืออาจจะเปิดแก๊สหุงต้มในห้องครัวทิ้งไว้แล้วลืมปิดจำทำให้เกิดสะเก็ดไฟลุกไหม้ขึ้น  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้แจ้งให้ผู้ดูแลมาร่วมตรวจสอบภายในจุดเกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้งอีกครั้ง

ทีมข่าวพลังชน/คัมภีร์ อาบสุวรรณ์  *086-1499878 รายงาน

ตร.พัทยา กวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรมเข้มงวด จับกุมเอเย่นต์ยาไอซ์และวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดได้รวม22ราย




เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 21 ม.ค. 56 ขณะที่ ร.ต.อ.เสถียร รัชพงษ์ไทย รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี นำกำลังออกตรวจสอบป้องกันเหตุอาชญากรรมและออกเข้มงวดตรวจสอบกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่เมืองพัทยา ผ่านมาถึงบริเวณ กลางซอยโพธิ์สาร ย่านพัทยาเหนือ ม.5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชายวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่าตมามีอาการพิรุจต้องสงสัยจึงแสดงตัวและเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมาย  สอบถามทราบชื่อชายวัยรุ่นดังกล่าวชืีอ นายสิทธิกร ไมตรรีจิตร หรือบีม อายุ 27 ปี ตรวจค้นตัวก็พบว่ามียาเสพติดประเภทยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกใสจำนวน1ถุงเล็กซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงยึดไว้เป็นของกลางและจับกุมตัวไว้
เบื้องต้นสอบสวนนาย สิทธิกร ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่ายาไอซ์เป็นของตนจริงซึ่งตนไปซื่อยาไอซ์ดังกล่าว มาจาก เพื่อน ที่ชื่อ นา อยู่ในซอยบ่อนไก่ ย่านพัทยาใต้ ในราคา1,000 บาท เพื่อนำมาเสพและแบ่งขายต่อให้เพื่อนที่รู้จักกัน เป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา"มียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย" ควบคุมตัวไปดำเนินคดี
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้กวาดล้างจับกุมกลุ่มแก๊งวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดได้อีกจำนวน 22 รายเป็นชายวัยรุ่นทั้งหมดนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองพัทยา ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายงานโดยทีมข่าวพลังชน/คัมภีร์ อาบสุวรรณ์. *086-1499878

ตร. รวบ2โจ๋ต้องสงสัยค้นตัวเจอกัญชาแห้งซุกในกระเป๋



ตร. รวบ2โจ๋ต้องสงสัยค้นตัวเจอกัญชาแห้งซุกในกระเป๋า สารภาพชอบเสพกัญและซื้อกัญชาเอาไปขายต่อให้เพื่อนๆเป็นประจำ  พร้อมกับจับวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดอีก 5 ราย

           เมื่อเวลา 00.30 วันที่ 20 .. 56  ขณะที่ ร...เสถียร รัชพงษ์ไทย  รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา  .ชลบุรี นำกำลังออกตรวจสอบป้องกันเหตุอาชญากรรมในพื้นที่ผ่านมาถึงบริเวณ ซอยโพธิ์สาร ย่านพัทยาเหนือ ม.5 .นาเกลือ  .บางละมุง จ.ชลบุรี พบช่ยวัยรุ่นต้องสงสัยจำนวน2คนขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายมาด้วยกัน จึงแสดงตัวเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมายและเอกสารรถ  สอบถามทราบชื่อชายทั้ง2คน คือ นาย ธวัชชัย นุ่มนิ่ม  หรือ เอ็กช์   อายุ 23  ปี อาชีพขับรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 570/148 .5 .นาเกลือ อ.บางละมุง  .ชลบุรี (เป็นคนขับรถ )และ นาย เจมส์  (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี  (นร.ชั้น ม.4 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา) อยู่บ้านเลขที่ 239/60 .6 .นาเกลื่อ  .บางละมุง จ.ชลบุรี (คนนั่งซ้อน)  โดยจากตรวจค้นตัวของ นาย ธวัชชัย หรือเอ็กซ์ ก็พบกับ กัญชาแห้งบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 1 ห่อ ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางกาง ด้านซ้ายจึงยึดไว้เป็นของกลางและจับกุมตัวทั้ง2คนไว้
    ซึ่งจากการสอบสวน  นาย ธวัชชัย หรือเอ็กซ์  ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับ  นาย เจมส์ (นามสมมุติ)  ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันพากันไปซื้อกัญชา มาจาก เพื่อนในซอยคลองพลับ ย่านนาเกลือ ในราคา100 บาท เพื่อจะเอามาขายต่อให้กับกลุ่มเพื่อนๆในราคา 500 บาท โดยจะมาซื้อแล้วเอาไปขายเป็นประจำ และยังยอมรับด้วยว่าแบ่งกัญชาเอาไว้เสพเองอีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัววัยรุ่นทั้ง2คนไปสอบสวนและแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท5 (กัญชาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมายแจ้งผู้ปกครองให้ทราบเรื่องก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้จับกุมตัว แก๊งวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมมั่วสุมเสพยาเสพติดได้อีกจำนวน 5 รายเป็นชายวัยรุ่นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวน ที่ สภ.เมืองพัทยา ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวพลังชน/คัมภีร์ อาบสุวรรณ์. *086-1499878 รายงาน

รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นำทีมลุยกวาดล้างจับแก๊งกะเทยขายกามริมชายหาดพัทย



รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นำทีมลุยกวาดล้างจับแก๊งกะเทยขายกามริมชายหาดพัทยา ป้องกันเหตุฉกชิงวิ่งราวทรัพย์นักท่องเที่ยว ตามโครงการ 30วันพัทยาปลอดอาชญากรรม 
  
เมื่อเวลา  01.00 วันที่ 20  ม.ค. 56  พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย ร.ต.อ. เนติธร รัตนสุชานันน์ รอง สวป. สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ร่วมกันนำกำลังออกทำการกวาดล้างจับกุมกลุ่มแก๊งสาวประเภทสองหรือกะเทย ที่มีพฤติกรรมเตร็ดเตร่ลักลอบขายบริการทาเพศให้กับนักท่องเที่ยวตามริมชายหาดพัทยา ซึ่งสามารถจับกุมตัวผู้มีพฤติกรรมกระทำความผิดดังกล่าวได้จำนวนกว่า 30รายจึงควบคุมตัวมาสอบสวนตรวจสอบประวัติและทำการตรวจสอบปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย

พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี   กล่าว่าการจับกุมครั้งนี้ก็สืบเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนหลายรายแจ้งว่าถูกคนร้ายซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสาวบรรดากลุ่มแก๊งสาวประเภทสองหรือแก๊งกะเทยขายบริการทางเพศอยู่ริมชายหาดพัทยา ก่อเหตุฉกชิงวิ่งราวทรัพย์ เป็นประจำ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการกวดขับกวาดล้างจับกุมอย่างจริงจังเพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดซ้ำรอย  และเพื่อเป็นการระดมกวาดล้างตามโครงการ 30วันพัทยาปลอดอาชญากรรม   โดยในเบื้องต้นได้ทำการถ่ายรูปลงบันทึกประวัติของกลุ่มแก๊งกะเทยที่ถูกจับกุมอย่างละเอียดทุกคนเพื่อทำข้อมูลประวัติหากก่อเหตุขึ้นจะได้ติดตามจับกุมตัวได้ง่ายขึ้น  พร้อมกับตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกายแต่ในเบื้องต้นไม่พบผู้ใดมีสารเสพติดในร่างกาย  จึงทำการเปรียบเทียบปรับในข้อหา เตร็ดเตร่ในที่สาธารณะโดยมีสมควรและเพื่อการค้าประเวณี”  ก่อนปล่อยตัวไป

ทีมข่าวพลังชน/คัมภีร์ อาบสุวรรณ์. *086-1499878 รายงาน

19 มกราคม 2556

รวบแก๊งค้ามนุษย์ขณะขนแรงงานเถื่อนเขมรเตรียมเข้า กทม.




ศรีราชา - กกล.บูรพา ร่วม ตม.สระแก้ว รวบแก๊งค้ามนุษย์ขณะขนแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาค้าแรงงานในกรุงเทพฯ ขณะเดียวกัน ยังมียาไอซ์ น้ำหนักรวม 0.6 กรัมในครอบครอง อ้างมีไว้เพื่อเสพให้ใจกล้า
      
       จากการสืบทราบของ พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ว่า จะมีขบวนการขนของผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ จึงสั่งการให้ พ.อ.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ประสานไปยัง พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว และ พ.ต.ต.นที ทองสุกแก้ว สว.ตม.จว.สระแก้ว นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สระแก้ว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจกองกำลังบูรพา เข้าสกัดจับ
      
       โดยพบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ รุ่นแค็บ สีดำ ติดตั้งหลังคาแครี่บอย หมายเลขทะเบียน ถว 5858 กทม. ซึ่งกำลังวิ่งมาตามถนนสายสุวรรณศร จากอำเภออรัญประเทศ มุ่งหน้าจะเข้ากรุงเทพฯ ตรงกับที่สายรายงาน ซึ่งเมื่อรถกระบะคันดังกล่าววิ่งมาถึงบริเวณบ้านเสาสูง ตำบลห้วยโจด อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ได้เลี้ยวหลบด่านตรวจของกองกำลังบูรพา เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตาม และสามารถสกัดจับได้ที่บริเวณถนนเลียบทางรถไฟ ในพื้นที่บ้านเสาสูง อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
      
       จากการตรวจค้นภายในรถ พบชาวกัมพูชานั่งซุกซ่อนตัวอยู่ จำนวน 30 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 13 คน ด.ช.3 คน และ ด.ญ.6 คน และจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารการเดินทาง จึงควบคุมตัวทั้งหมดไปสอบสวนที่ด่านตรวจบ้านหนองกุง หน้ากองกำลังบูรพา เพื่อสอบขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ
      
       และจากตรวจสอบ นายนาจณรงค์ สีสด คนขับรถ ชาวอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ขับรถกระบะคันดังกล่าว กลับแสดงท่าทางพิรุธ ซึ่งเมื่อตรวจค้นในตัวอย่างละเอียด ยังพบยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุถุงพลาสติกใส จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวม 0.6 กรัม พร้อมอุปกรณ์การเสพ 1 ชุด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง
      
       โดยนายนาจณรงค์ อ้างว่าเป็นผู้รับจ้างขับรถนำแรงงานเถื่อนชาวกัพมูชาไปส่งที่ กรุงเทพฯ ได้ค่าจ้างขับเที่ยวละ 2,000 บาท ส่วนยาไอซ์มีไว้เพื่อเสพให้ใจกล้า
      
       ส่วนแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชารับว่า จะเดินทางไปทำงานในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเสียค่าเดินทางคนละ 2,500-3,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.วัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง
      
       ส่วนนายนาจณรงค์ สีสด เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษ (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และข้อหาค้ามนุษย์ เนื่องจากลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเกิน 15 คน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

สระแก้วจัดงานวัน “ยุทธหัตถี”




ศรีราชา - จังหวัดสระแก้ว จัดงานวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือวันยุทธหัตถี และงานสมโภชวันยุทธหัตถีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประจำปี 2556 
      
       วันที่ 18 ม.ค.56 นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เป็นประธานในพิธีวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือวันยุทธหัตถี ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ซึ่งพิธีในช่วงเช้าเริ่มตั้งแต่เวลา 07.30 น.โดยบรรดาเหล่าข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ตลอดจนองค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้ร่วมในพิธีบวงสรวง และวางพวงมาลาถวายราชสักการะ กล่าวสดุดีเฉลิมพระเกียรติ การฟ้อนรำถวายมือโดยคณะนางรำกิตติมศักดิ์ของจังหวัดสระแก้ว การประกวดไก่ชน และนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ
      
       ส่วนภาคค่ำ ในเวลา 18.30 น. จะเป็นพิธีเปิดงานสมโภชวันยุทธหัตถีสมเด็จพระนเรศวรมาหาราช ประจำปี 2556 โดย ฯพณฯ เสนาะ เทียนทอง ที่จะเป็นประธานในการถวายเครื่องราชสักการะ พานพุ่มดอกไม้สด นอกจากนั้น ยังมีการรำบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และมหรสพสมโภชตลอดงาน จนถึงวันที่ 22 มกราคม
      
       อนึ่ง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย พระองค์ได้กอบกู้เอกราชจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก และได้ทรงแผ่อำนาจของราชอาณาจักรไทยอย่างกว้างใหญ่ไพศาล จนประเทศไทยอยู่เป็นปกติสุขปราศจากศึกสงครามเป็นระยะเวลายาวนาน
      
       สำหรับพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ทั้งสิ้นทั้งปวงของพระองค์ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง และคนไทยทั้งมวล ซึ่งตลอดพระชนมชีพของพระองค์ จะอยู่ในสนามรบ และชนบทโดยตลอดมิได้ว่างเว้นแม้แต่เมื่อเสด็จสวรรคต ก็เสด็จสวรรคตในระหว่างเดินทัพไปปราบศัตรูของชาติไทย
      
       นับว่าพระองค์ทรงสละพระองค์เพื่อชาติบ้านเมืองโดยสิ้นเชิง สมควรที่ชาวไทยรุ่นหลังจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ และจดจำวีรกรรมของพระองค์เทิดไว้เหนือเกล้าฯ ตราบชั่วกาลนาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ประมงจันท์-ศูนย์วิจัยฯ ร่วมสำรวจสัตว์น้ำหายากทางท้องทะเล




จันทบุรี - สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจันทบุรี ได้ลงพื้นที่สำรวมข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์น้ำ อย่างปลาบู่มหิดล เพื่อเป็นการส่งเสริม และอนุรักษ์สัตว์น้ำหายากทางท้องทะเล
      
       วันที่ 18 ม.ค.56 ที่ท่าเทียบเรือประมงอำเภอท่าแฉลบ จังหวัดจันทบุรี สำนักงานประมงจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจันทบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานตำรวจน้ำ 4 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ และเทศบาลตำบลบางกะจะ ผู้ใหญ่บ้านบางกะจะ ได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งอาศัยปลาบู่มหิดล ที่บริเวณปากน้ำอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี จุดโรงปลาป่น ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำหายากอย่างปลาบู่มหิดล ที่ได้มีการค้นพบเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทย
      
       โดยมีคณะนักประดาน้ำจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกระยอง ดำน้ำทำการสำรวจประชากรปลาบู่มหิดลใต้ท้องทะเล บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลบางกะไชย อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งได้มีการนำกล้องภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวลงไปบันทึกภาพใต้น้ำด้วย
      
       ทั้งนี้ สำหรับปลาบู่มหิดล ถูกค้นพบโดย ดร.ฮิวส์ แมคคอมิค สมิธ อธิบดีกรมประมงคนแรกของประเทศไทย ซึ่งชื่อสกุลปลาบู่มหิดล ได้ตั้งขึ้นเพื่อถวายเป็นพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงสนพระทัยต่อทรัพยากรปลา และกิจการการประมงของประเทศไทยเป็นพิเศษ
      
       นายบัญชา สุขแก้ว ประมงจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า สำหรับปลาบู่มหิดล ถือเป็นปลาพื้นเมืองของจังหวัดจันทบุรี และถือเป็นปลาประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่มีการค้นพบเป็นครั้งแรก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ และมีสภาพภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของปลาบู่ แต่ด้วยปัจจุบันสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
      
       รวมถึงอุปกรณ์ประกอบอาชีพทำการประมงของชาวบ้าน ส่งผลทำให้จำนวนประชากรของปลาบู่มหิดลลดน้อยลง จนถึงขั้นใกล้สูญพันธุ์ ดังนั้น ทางสำนักงานประมงจังหวัดจึงร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งจันทบุรี ได้พยายามที่จะอนุรักษ์ปลาบู่มหิดล ซึ่งขณะนี้ได้นำปลาดังกล่าวมาทำการศึกษาต่อเพื่อเตรียมขยายพันธุ์ต่อไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์