08 กรกฎาคม 2555

หน.อุทยานฯ เขาแหลมหญ้า เดินหน้าจับกุมเจ้าของรีสอร์ตหรูผิด กม. หลังพบมีการเปลี่ยนมือ


ศรีราชา - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ประกาศจองเวรเจ้าของรีสอร์ตหรู 3 แห่ง ในพื้นที่เกาะเสม็ด ซึ่งสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำเขตอุทยานฯ เกาะเสม็ด หลังพบดื้อแพ่งขายกิจการต่อเจ้าของใหม่ ซ้ำมีการขยายสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเพิ่ม เดินหน้าใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อให้ดำเนินการรื้อถอน รักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
      
       นายอาคม น้ำคำ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง เผยถึงกรณีที่มีคำสั่งให้รื้อถอนรีสอร์ตหรูกลางทะเล ชื่อ มุกเสม็ด” “อันซีนและ พลอยเสม็ดรวม 3 หลังในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น พบว่า ขณะนี้ในส่วนของ พลอยเสม็ดยังคงเปิดร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม ห่างจากชายหาดอ่าวกลางบริเวณหน้าเกาะเสม็ด หมู่ 4 ตำบลเพ ประมาณ 100 เมตร ซึ่งในปี 2546 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ดำเนินการจับกุม และส่งฟ้องศาลในข้อหามีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำเขตอุทยานฯ และคดีได้สิ้นสุดในชั้นศาลฎีกา ซึ่งพิพากษาให้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลัง ตามกระบวนการของศาล และปัจจุบัน อยู่ในช่วงที่จะต้องดำเนินการรื้อถอน
          ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เข้าไปตรวจสอบรีสอร์ตทั้ง 3 หลังอีกครั้ง ก็พบว่า ได้มีการขายเปลี่ยนมือ และเปลี่ยนผู้ประกอบการใหม่ ดังนี้ นายสมปอง วงษ์เพชร อายุ 46 ปี ผู้จัดการ พลอยเสม็ดนายราเชษฐ กลิ่นพิกุล อายุ 33 ปี ผู้จัดการ มุกเสม็ดและนายบุญมี ยืนยง อายุ 33 ปี ผู้จัดการ อันซีน" และยังมีการขยายต่อเติมจากเดิมที่เคยมีการจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้า
      
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เข้าดำเนินการจับกุมทั้ง 3 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาใหม่ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 22 (ทำลายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติ หรือทำให้สิ่งนั้นๆ กลับสู่สภาพเดิม) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2555 และเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้นำคำสั่งให้รื้อถอนที่ 41/2555 ไปปิดประกาศที่ มุกเสม็ด” “อันซีนและพลอยเสม็ดเพื่อให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 กรกฎาคม 2555 และมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งภายใน 15 วัน
      
       โดยนายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า รีสอร์ตทั้ง 3 หลังเคยถูกดำเนินคดี และส่งฟ้องศาลเมื่อ ปี พ.ศ.2546 และคดีได้สิ้นสุดจนต้องถูกรื้อถอนแล้ว แต่กลับมีการขายเปลี่ยนเจ้าของรายใหม่ และมีการขยายต่อเติม ถือเป็นการกระทำผิดซ้ำ และถือเป็นการจับกุมครั้งที่ 2
           “ก่อนหน้าที่จะมีการก่อสร้างรีสอร์ตทั้ง 3 หลัง พื้นที่ดังกล่าวกลุ่มประมงพื้นบ้านบนเกาะเสม็ด ได้สร้างกระชังเลี้ยงปลาน้ำเค็ม โดยใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรผูกติดกันทำเป็นแพ ประกอบอาชีพแบบชุมชนท้องถิ่น ซึ่งต่อมา เมื่อมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่กระชังเลี้ยงปลาเป็นรีสอร์ตหรู ผู้ประกอบการได้ปักเสาไม้รองรับน้ำหนัก และเมื่อเสาไม้เกิดการชำรุดผุกร่อนจึงเปลี่ยนเป็นเสาคอนกรีต สำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่าพักค้างคืน รวมทั้งเปิดเป็นร้านอาหาร ซึ่งถือเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาตินายอาคมกล่าว
ข้อมูลจากผู้จัดการออนไลน์

2 ความคิดเห็น:

  1. ซื้อมาได้...ดูเหมือนจะฉลาด..แต่โง่

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ13 สิงหาคม 2555 เวลา 17:03

    555 ถ้าทำถูกก็ไม่ถูกยึด

    ตอบลบ