ชลบุรี - เจ้าของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด บ่อวิน อ.ศรีราชา เข้าร้องตำรวจกองปราบหลังถูกหุ้นส่วนโกง เสียหายนับ 100 ล้านบาท
วันที่ 11 พ.ค.55 พ.ต.ท.ขวัญพิชัย มะโนเจริญทรัพย์ หัวหน้าชุดสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอดีตหุ้นส่วนที่ประกอบธุรกิจร่วมกันด้านบรรจุ ภัณฑ์ ออโตพาร์ต ชิ้นส่วนรถยนต์
หลังรับเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้า หน้าที่กองบังคับการสนับสนุนทางเทคโนโลยี เพื่อหาข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าได้รับความเดือดร้อนจริง แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น โน้ตบุ๊ก และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น ดังนั้นจะต้องเอาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ดังกล่าวให้ได้ เพื่อค้นหาหลักฐานในการกระทำผิดครั้งนี้
พ.ต.ท.ขวัญพิชัยกล่าวต่อว่า เดิมโรงงานดังกล่าวผู้เสียหายได้ลงทุนกับหุ้นส่วนดังกล่าว 2 คน ต่อมาถูกหุ้นส่วนฮุบกิจการ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ โดยมีการปลอมลายเซ็น ไปเปิดบริษัทใหม่ เปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ และลักลอบนำข้อมูลของลูกค้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งถือว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ กำหนดความผิดห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499
ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายต่อผู้ร้องเป็นมูลค่า ประมาณ 10 ล้านบาท และหากในด้านเชิงธุรกิจแล้วมีความเสียหายนับ 100 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ไม่มีรายได้เข้า แต่รายได้ไปเข้ากับหุ้นส่วนที่กระทำการฉ้อฉลจนสร้างความเสียหายต่อกิจการดัง กล่าว
พ.ต.ท.ขวัญพิชัยกล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้ขอหมายจากศาลจังหวัดพัทยาเพื่อเข้าตรวจค้นยังบ้านเป้าหมายดัง กล่าว เพื่อยึดคอมพิวเตอร์ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการโกงในครั้งนี้ และจากการเข้าตรวจค้นที่โรงงานอัลบาทรอส ลอจิสติกส์ จำกัด พบคอมพิวเตอร์ และเอกสารหลักฐานต่างๆที่เป็นประโยชน์ โดยนำหลักฐานไปตรวจพิสูจน์เพื่อเป็นข้อมูลในการฟ้องร้องต่อไป
วันที่ 11 พ.ค.55 พ.ต.ท.ขวัญพิชัย มะโนเจริญทรัพย์ หัวหน้าชุดสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากอดีตหุ้นส่วนที่ประกอบธุรกิจร่วมกันด้านบรรจุ ภัณฑ์ ออโตพาร์ต ชิ้นส่วนรถยนต์
หลังรับเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้า หน้าที่กองบังคับการสนับสนุนทางเทคโนโลยี เพื่อหาข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่าได้รับความเดือดร้อนจริง แต่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น โน้ตบุ๊ก และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น ดังนั้นจะต้องเอาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ดังกล่าวให้ได้ เพื่อค้นหาหลักฐานในการกระทำผิดครั้งนี้
พ.ต.ท.ขวัญพิชัยกล่าวต่อว่า เดิมโรงงานดังกล่าวผู้เสียหายได้ลงทุนกับหุ้นส่วนดังกล่าว 2 คน ต่อมาถูกหุ้นส่วนฮุบกิจการ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ โดยมีการปลอมลายเซ็น ไปเปิดบริษัทใหม่ เปลี่ยนป้ายชื่อใหม่ และลักลอบนำข้อมูลของลูกค้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งถือว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ กำหนดความผิดห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499
ปัญหาที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายต่อผู้ร้องเป็นมูลค่า ประมาณ 10 ล้านบาท และหากในด้านเชิงธุรกิจแล้วมีความเสียหายนับ 100 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ไม่มีรายได้เข้า แต่รายได้ไปเข้ากับหุ้นส่วนที่กระทำการฉ้อฉลจนสร้างความเสียหายต่อกิจการดัง กล่าว
พ.ต.ท.ขวัญพิชัยกล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้ขอหมายจากศาลจังหวัดพัทยาเพื่อเข้าตรวจค้นยังบ้านเป้าหมายดัง กล่าว เพื่อยึดคอมพิวเตอร์ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการโกงในครั้งนี้ และจากการเข้าตรวจค้นที่โรงงานอัลบาทรอส ลอจิสติกส์ จำกัด พบคอมพิวเตอร์ และเอกสารหลักฐานต่างๆที่เป็นประโยชน์ โดยนำหลักฐานไปตรวจพิสูจน์เพื่อเป็นข้อมูลในการฟ้องร้องต่อไป
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
พ่อเพื่อนหนู
ตอบลบ